Archive for the 'คลิป Video ที่น่าสนใจ' Category

19
Dec
12

รายการ Three Talk (锵锵三人行) 2012-12-10_เฉินหลง01


ผมดูบทสัมภาษณ์ในวันนี้จบ ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ได้เจอเฉินหลงตัวเป็นๆ ทั้งสองเหตุการณ์ทำให้ผมประทับใจอะไรหลายอย่าง กลับมาค้นหาในสื่อไทย ก็มีหลายสื่อของไทยที่พูดถึงบุคลิกลักษณะนิสัยของซุปเปอร์สตาร์คนนี้ แต่ด้วยความที่เป็นคนคนละชาติ ภาษาคนละภาษา ในรายการไทยบางครั้งบทสัมภาษณ์ฝ่ายพิธีกรไทยหลายคนก็อาจดูเกร็ง หรือแม้กระทั้งดูเป็นซุปเปอร์สตาร์มากกว่าเฉินหลงซะอีก การได้ดูรายการสัมภาษณ์เค้ารายการนี้ น่าจะได้อรรถรสที่ต่างออกไป ผมจึงขอแปลรายการนี้บูชาความประทับใจละกันนะครับ หวังว่าจะได้ทั้งสาระบันเทิงและข้อคิดดีๆอะไรติดตัวไปจากคลิปนี้นะครับ สวนตอน 2 และ 3 อาจจะมีโอกาสแปลให้ได้ชมกันนะครับ ยังไม่ขอรับรอง

**มาแล้วนะครับตอน 2,3**



13
Dec
12

นานกิง นานกิง City of life and death


ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 75 ปีที่แล้ว 13 ธันวาคม 1937

กองทหารแห่งลูกพระอาทิตย์เข้าปิดล้อมเมืองนานกิง(เมืองหลวงของสาธารณรัฐจีนในขณะนั้น)ได้เป็นผลสำเร็จ กองกำลังทหารจีนที่เหลืออยู่ในเมืองหลายหมื่น ส่วนใหญ่ยอมจำนน และเป็นเชลยสงคราม จะมีการปะทะกันก็แต่เพียงบางจุด เนื่องจากกองกำลังหลักแห่งสาธารณรัฐจีนถอยออกจากเมืองไปแล้ว จากค่ำคืนอันหนาวเหน็บนี้ไปอีก 6 สัปดาห์ คือหนึ่งเหตุการณ์อัปยศที่หน้าประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ได้บันทึกไว้ นี่คือวันเริ่มต้นแห่ง “การสังหารหมู่ที่นานกิง”

การสังหารหมู่กระทำกันอย่างเป็นระบบ เช่นเดียวกับการทรมาน ข่มขืน ไม้เว้นแม้แต่ คนชรา หญิงท้องแก่ หรือเด็กทารก แม้นักธุรกิจชาวเยอรมันอย่าง John Rabe จะร่วมกับนายแพทย์ชาวอเมริกัน และอาศัยชื่อพรรคนาซีซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพญี่ปุ่นจัดตั้งเขตปลอดภัยขึ้น แต่กองกำลังญี่ปุ่นก็รวมกลุ่มเข้ามาในเขตปลอดภัยเพื่อข่มขืน จับชาวจีน หรือเข้ามาฆ่าทหารบาดเจ็บไม่เว้นวัน

300px-Iwane_Matsui_rides_into_Nanjing

สื่อและภาพยนต์ที่ฉายภาพเรื่องราวเหล่านี้มีอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือภาพยนต์ของ ผู้กำกับเลือดใหม่ “ลู่ชวน” ในชื่อภาพยนต์ว่า “หนานจิง หนานจิง” (City of life and death) สร้างขึ้นเมื่อปี 2009 ภาพยนต์เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ เมื่อสายตาที่จับจ้องสงครามครั้งนี้มาจากหลายฝ่าย ไม่เว้นแม้กระทั้งจากฝั่งพลทหารญี่ปุ่น ความน่าสนใจจึงไม่ใช่การถ่ายทอดความโหดร้ายของกองทหารญี่ปุ่นที่เปรียบเสมือน ผีห่าซาตาน ดังเช่นในเรื่องอื่นๆ แต่สิ่งที่ถ่ายทอดมาทั้งหมดทำให้เห็นความแหลกรานของความเป็นมนุษย์ ที่มีเลือดมีเนื้อของ ทุกฝ่ายเมื่อต้องเข้าสู่สถานการณ์นี้

ด้านการเตรียมการตั้งแต่ริเริ่มที่จะถ่ายทำ จนถึงถ่ายทำเสร็จสิ้นใช้เวลาทั้งหมด 4 ปี ทีมนักแสดงที่ร่วมแสดงมีนักแสดงสัญชาติญี่ปุ่นร่วมแสดงเป็นนายทหารญี่ปุ่น ระหว่างการถ่ายทำ บรรยากาศในช่วงการถ่ายทำเหมือนกับต้องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นจริงๆ ความกดดันที่ทีมงานได้รับ มีทั้งทางฝั่งจีนและฝั่งญี่ปุ่น ในฉากที่นายทหารญี่ปุ่นเดินอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง นักแสดงญี่ปุ่นคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเองว่า “อยากกลับญี่ปุ่นโว้ย” ทันใดนั้นนักแสดงอีกคนซึ่งแสดงเป็นหัวหน้าหมวดก็เดินเข้าไปชก รอยชกยังบวมไปอีกหลายวัน… เป็นบทบาทที่นักแสดงแสดงออกมาเอง ไม่ได้จัดฉากขึ้นมา และผู้กำกับก็ได้นำเข้ามาใส่ไว้ในภาพยนต์ด้วย

1238816180048

นอกจากต้องทำการถ่ายทำแล้ว ตกเย็นผู้กำกับยังคงต้องร่วมวงดื่มเหล้ากับบรรดาทีมงานและนักแสดงเพื่อปรึกษาหารือกัน เพื่อให้หนังมีความสมจริงและนักแสดงเข้าถึงบทบาทโดยแท้จริงมากขึ้น และเนื่องจากเป็นหนังที่ต้องใช้ทุนสร้างสูงในการจำลองเมืองหนานจิงขึ้นมา ตกเย็นจนถึงค่ำของทุกวัน ผู้กำกับยังคงต้องโทรรายงานเรื่องงบประมาณกับผู้ให้กู้ต่างๆหลายลาย เพื่อจัดหางบให้เพียงพอ ความกดดันทั้งด้านเรื่องราวของหนัง และหน้าที่รับผิดชอบ ทำให้ ลู่ชวน เอ่ยปากว่า “ผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว”(ทั้งหนังที่กดดัน กับการต้องควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง) ทุกวันนี้ฉากถ่ายทำภาพยนต์เรื่องนี้ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของท้องถิ่นไปแล้ว

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากฉากจำลองนี้ เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ เนื่องจากตอนทีมงานเข้ามาก่อสร้างฉากเสร็จเรียบร้อย ชาวบ้านและส่วนปกครองท้องถิ่นขอให้ทีมงานอย่าทำลายฉาก และจะขอไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว วันสุดท้ายของการถ่ายทำมีฉากระเบิด เกิดเหตุเพลิงไหม้ลูกลามจนฉากกำแพงเมืองส่วนใหญ่เสียหายไป ชาวบ้านพากันมาปิดล้อมผู้กำกับ กล่าวหาว่าทีมงานจงใจเผาฉากนี้ทิ้ง จงใจให้ไม่เหลือไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ผู้กำกับและผู้ช่วยอีกคนต้องตกอยู่ในวงล้อมของชาวบ้านและเจรจาอยู่เนิ่นนาน กว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้ ทั้งๆที่ฉากนั้น สร้างโดยเงินของทีมภาพยนต์และถือเป็นสมบัติของบริษัทผู้สร้างแท้ๆ…

การทะเลาะเบาะแว้งกันในกองถ่ายระหว่างชาวจีนกับชาวญี่ปุ่นเกิดขึ้นบ้าง ครั้งใหญ่สุดคือในฉากพิธีตีกลองฉลองชัยชนะของกองทัพญี่ปุ่น เนื่องจากมือกลองโบราณที่มาจากโตเกียว เห็นนักแสดงชาวจีนที่แสดงเป็นกองทหารญี่ปุ่นไม่ตั้งใจซ้อม แถมพูดคุยไม่ใส่ใจในพิธีกรรมนี้ เมื่อตักเตือนหลายครั้งแล้วไม่ฟังจึงกระโดดลงมาจากแท่นเข้าชกนักแสดงจีนคนนั้น หลังจากเหตุชุลมุนและห้ามปรามอยู่พักใหญ่ สุดท้ายทางผู้กำกับต้องให้นักแสดงจีนคนนั้นไปขอขมามือกลอง เป็นที่รู้กันในชาวญี่ปุ่นว่า การเป็นมือกลองโบราณเช่นนี้ เป็นสิ่งที่สืบทอดประจำตระกูลเท่านั้น และจัดเป็นผู้สืบทอดพิธีกรรมสำคัญของชาติญี่ปุ่น ถือเป็นผู้มีเกียรติสูงในสังคมญี่ปุ่น

และฉากนี้ก็เสี่ยงที่จะเป็นที่กังขาและเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาว่า ผู้กำกับเข้าข้างและบูชาฝ่ายญี่ปุ่น สื่อจีนและเพื่อนๆซักถามว่าการใส่ฉากนี้เข้ามาเป็นไปเพื่อเหตุใด “ผมไม่กังวลเพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และผมว่าแบบนี้ก็ดีอยู่เหมือนกัน ถามมาผมก็ตอบไป ถ้ามีโอกาสได้อธิบาย เขาก็เข้าใจ ผมรู้สึกว่าจีนเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้มีการใส่หมวกให้ใครไปโดยไม่ซักถามแบบสมัยก่อน”

กระนั้นก็ตาม ภาพยนต์เรื่อง หนานจิง หนานจิง เมื่อฉายช่วงแรก ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมและสื่อในเรื่องที่ว่า ประณีประนอมกับฝั่งญี่ปุ่นมากเกิน ภาพลักษณ์ของฝั่งญี่ปุ่นดูมีมนุษยธรรมและมีเหตุมีผลเกินไป ทำให้เสียงโดยรวมออกไปทางการโจมตีเสียมากกว่า “ผมรู้สึกเสียดายที่คนติติงเรื่องนี้มากเกินจนมองข้ามเทคนิคการเล่าเรื่อง หรือมุมมองที่มีต่อสงคราม” ผู้กำกับกล่าว แต่หลังจากที่หนังได้ออกไปสู่ต่างประเทศ เสียงตอบรับจากต่างประเทศเป็นไปในเชิงบวก ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะชาวจีนทั้งหลาย ยังอยู่ใกล้กับความโหดร้ายของสงครามนี้ยิ่งนัก ทั้งในมิติของเวลาและสถานที่  อีกทั้งความตึงเครียดของเรื่องราวในสงครามครั้งนี้ ก็มีเหตุให้ต้องให้ปะทุขึ้นหลายต่อหลายครั้งในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของจีนและญี่ปุ่น

อย่างไรก็ดี ผู้กำกับมีความหวังที่จะนำภาพยนต์เรื่องนี้เข้าฉายที่ญี่ปุ่นด้วย ในฐานะหลักฐานและการบันทึกไว้ว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นจริงและไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไป

ทศวรรษที่ 70 เมื่อทูตญี่ปุ่นเข้าฟื้นสัมพันธ์กับจีน ทูตญี่ปุ่นแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องการสังหารหมู่ นายกรัฐมนตรีจีนโจวเอินไหลโกรธและต่อว่าทูตญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จนเมื่อทูตญี่ปุ่นยอมรับและขอโทษกับเหตุการณ์นี้ นายกโจว จึงกล่าวขึ้นว่า สิ่งที่ต้องขอบคุณญี่ปุ่นในคราวนั้นก็มี เพราะ “ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็ไม่มีจีนใหม่ในทุกวันนี้”

152621_200904250306591JkoE

ณ วันที่ประเทศชาติอ่อนแอและแตกแยก แม้แต่เมืองหลวงของชาติยังปล่อยให้ใครเข้ามารุกรานย่ำยีทารุณ คือวันเริ่มต้นวันแรกๆที่ชาวจีนต้องจดจำไว้สอนตนเองว่า “จะมีก็แต่ชาติที่เข้มแข็งเท่านั้น จึงได้รับสิทธิอันเสมอภาคและได้รับเกียรติจากผู้อื่น” และนี่คือเรื่องราวของจุดกำเนิดจุดหนึ่งของความเป็นจีนใหม่ในทุกวันนี้ “นานกิง นานกิง”

前事不忘, 后事之师, 以史为鉴, 开创未来.
(อี่ซื่อปู๋ว่าง, โฮ่วซื่อจือซือ, อี๋สื่อเหวยเจี้ยน, ไคช่วงเว่ยไหล)

อย่าลืมอดีต เพื่อสอนอนาคต ประวัติศาสตร์คือกระจกเงา ส่องสร้างทางเบื้องหน้า

28
Nov
12

Back to 1942


ไม่กี่วันมานี้ มีการเปิดตัวหนังเรื่องใหม่ของจีนที่ชื่อว่า 1942 “一九四二” หรือ “Back to 1942” ภาพยนต์โดย เฝิงเสี่ยวกัง ผู้กำกับเรื่อง “After Shock” ซึ่งหลายคนที่ได้เคยชมคงทราบดีถึงฝีมือและความลึกซึ้งของอารมณ์ในหนังของเขาดี เรื่องนี้ก็คงไม่ต่างกัน เฝิงเสี่ยวกังเป็นผู้กำกับที่ผมถือว่าเขาสะท้อนภาพความเป็นจริงของจีนได้อย่างเป็นจีนมากคนหนึ่ง

1942 พูดถึงเหตุการณ์ความอดอยากครั้งใหญ่ของมลฑลเหอหนาน ในปี 1942 โดยความอดอยากครั้งนี้ มีผู้คนต้องล้มตายไปกว่า 3 ล้านคน ที่น่าอัปยศกว่านั้นคือ รัฐบาลกลับไม่รับรู้(หรือแกล้งไม่รับรู้) ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง จนกระทั้งนักข่าวชาวอเมริกา Theodore Harold White(นำแสดงโดย Adrien Brody-ดารานำชายในเรื่อง The Painist) ได้ตีแผ่พิมพ์ภาพถ่ายที่ตนเองไปถ่ายมาในหนังสือพิมพ์ ซึ่งในภาพข่าวนั้นเป็นภาพคนกินคน โดยในภาพยนต์ใช้ภาพสุนัขแทะศพแทน (ไม่ขอนำภาพอันน่าสลดใดๆมาลงในที่นี้)

ประเทศจีนที่ชาวโลกเห่อเหิมเฟื่องฟูกันทุกวันนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านสงคราม ผ่านความอดอยากหิวโหยมานับครั้งไม่ถ้วน บันทึกประวัติศาสตร์จีนบันทึกไว้ว่า ในประวัติศาสตร์จีนกว่า 3,000ปีมีทุกขภิกภัยที่นำไปสู่ความอดยากครั้งใหญ่ๆกว่า 5,000 ครั้ง ลำพังในมลฑลเหอหนานเอง มีบันทึกไว้หลายต่อหลายหน้า โดยคำอธิบายหายนะมักลงท้ายว่าถึงขนาด “คนกินกันเอง” ครั้งเมื่อปี 1942 ก็เช่นกัน (ลองคิดถึงแผ่นดินไทยดูนะครับ แล้วจะรู้สึกดีใจที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทยนี้ ถึงจะมีภัยแล้ง มีหายนะภัยบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น)

เมื่อภัยแล้งมาเยือน ผู้คนถึงขนาดต้องกินเปลือกไม้เพื่อดำรงชีพ แม่บางคนต้องต้มศพลูกของตนกินเพื่อประทังชีวิตรอด เมื่อนักข่าวเข้าไปถามว่าทำไมจึงต้มลูกตัวเองกิน แม่คนนั้นหันกลับมาบอกว่า “ฉันไม่ได้ฆ่าลูกฉัน ลูกฉันตายแล้วจึงค่อยต้มมากิน”

รัฐบาลจีนซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนแอ จำต้องเจียดเสบียงในการรบส่วนหนึ่งเข้าช่วยเหลือผู้อดอยากอย่างไม่เต็มใจนัก ซ้ำร้าย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของจีนในขณะนั้น เมื่อเดินทางไปที่สหรัฐอเมริกา ยังขอให้ประธานาธิปดีสหรัฐปลด Theodore ออกจากหนังสือพิมพ์

ประธานธิปดีสหรัฐในขณะนั้นตอบกลับมาว่า “ในฐานะของประธานาธิปดีแห่งสหรัฐ ผมต้องขอบอกว่า ผมไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นได้”

อันที่จริงแล้วความไร้เสถียรภาพการเมือง สงครามระหว่างมุ้ง ความอ่อนแอ และการคอรับชั่นก็เป็นเหตุให้รัฐบาลจีนไม่เต็มใจเข้าช่วยเหลือชาวเหอหนานผู้อดอยากในครั้งนั้นเช่นกันเพราะฝ่ายปกครองของแต่ละท้องที่ ต่างพยายามอ้างภัยแล้ง และความอดอยากของประชาชน เพื่อที่จะได้มาซึ่งเสบียงและข้าวของจากส่วนกลาง สิ่งที่ส่วนกลางส่งให้ อาจไม่ถึงมือผู้อดอยากจริงก็เป็นได้

ในภาพยนต์มีคำพูดของนายทหารคำพูดนึงซึ่งน่าครุ่นคิดอย่างมาก ว่า

“ชาวบ้านอดตายไป ยังไงแผ่นดินนี้ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินจีน
แต่หากทหารอดตายหมด จีนจะไม่เหลืออีกต่อไป!”
“俄死一个灾民地方还是中国的. 如果当兵的都饿死了,我们就会亡国"

เมื่อมีคนถามเฝิงเสี่ยวกัง ว่ารู้สึกอย่างไรกับประโยคเช่นนี้ เขาให้คำตอบได้อย่างน่าฟังแล้วคุณหละครับ คิดอย่างไรกับประโยคนี้…

11
Jul
12

รายการแนะนำหนังสือ-Purity and Danger


ในตอนนี้พูดถึงหนังสือที่ว่าด้วยข้อห้ามทางสังคม ว่าแท้จริงแล้วสะท้อนให้เห็น
ทัศนคติในการมองโลกของวัฒนธรรมเจ้าของข้อห้ามนั้นๆอย่างไร

ต้นฉบับครับ

06
May
12

รายการแนะนำหนังสือ-จะอ่านหนังสืออย่างไร 2/2


มาแล้วครับกับตอน 2
ขออนุญาตว่า คำว่า”ผม”ที่ใช้ในคลิปนี้หมายถึงตัวอ.เหลียงเหวินต้าว เพื่อความราบรื่นในการแปลนะครับ




ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของการแบ่งปันและเรียนรู้ครับ ถ้าถูกใจ Subscribe ได้เลยครับ

30 เรื่องล่าสุด

Enter your email address to subscribe to this blog and receive notifications of new posts by email.

Join 52 other subscribers

Top Clicks

  • None

Flickr Photos